น้ำยาเสียบเหล็ก พุกเคมี แบบฉีด pure epoxy

น้ำยาเสียบเหล็ก คืออะไร? ใช้งานอย่างไรในงานก่อสร้างและต่อเติมโครงสร้าง
ในงานก่อสร้างหรือต่อเติมโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคาร หรือโรงงาน การเชื่อมต่อเหล็กเสริมเข้ากับคอนกรีตเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องทำอย่างถูกต้องและมั่นคง "น้ำยาเสียบเหล็ก" หรือที่เรียกกันว่า Epoxy Anchoring Adhesive คือวัสดุที่ช่วยให้การเสียบเหล็กแน่นหนา แข็งแรง และปลอดภัยต่อโครงสร้างโดยรวม แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่าน้ำยาเสียบเหล็กคืออะไร มีวิธีใช้อย่างไร และเหมาะกับงานประเภทใด บทความนี้จะพาคุณไปเรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงแนวทางการเลือกใช้น้ำยาเสียบเหล็กให้เหมาะสมกับหน้างานจริง
น้ำยาเสียบเหล็ก คืออะไร?
น้ำยาเสียบเหล็ก คือ สารเคมีประเภทเรซิ่น เช่น Epoxy Resin, Polyester หรือ Vinylester ที่ใช้สำหรับยึดเหล็กเสริมเข้ากับคอนกรีตในงานก่อสร้าง โดยการเจาะรูในคอนกรีต พร้อมเป่าแล้วบีบน้ำยาเสียบเหล็ก จากนั้นเสียบเหล็กหรือสลักเกลียวลงในรู น้ำยาจะเซ็ตตัวแข็งและยึดเหล็กเข้ากับโครงสร้างอย่างมั่นคง
น้ำยาเสียบเหล็กต่างจากพุกเคมีหรือไม่ : เป็นวัสดุประเภทเดียวกันในแง่ของการยึดเหล็กกับคอนกรีต โดยน้ำยาเสียบเหล็กมักใช้ในงานเสียบเหล็กเสริม ส่วนพุกเคมีจะรวมถึงงานฝังพุกและเกลียวเร่ง
จุดเด่นของน้ำยาเสียบเหล็ก:
- ยึดแน่น ปลอดภัย ทนต่อแรงดึงและแรงเฉือน
- ใช้งานง่าย ใช้ได้ทั้งกับงานใหม่และงานต่อเติม
- มีหลากหลายสูตรให้เลือกตามลักษณะงาน เช่น สูตรแห้งเร็ว สูตรใช้งานในที่เปียก
น้ำยาเสียบเหล็กใช้งานอย่างไร?
ขั้นตอนการใช้งานน้ำยาเสียบเหล็ก:
- เจาะรู ในคอนกรีตให้ได้ขนาดตามสเปคของเหล็กเสริม เช่น DB12, DB16, DB20 , DB25 , DB28 , DB32 , DB40
- ทำความสะอาดรูเจาะ ด้วยเครื่องเป่าฝุ่น หรือดูดฝุ่น หรือล้างด้วยน้ำ
- ฉีดน้ำยาเสียบเหล็ก เข้าไปในรูประมาณ 2/3 ของความลึก
- เสียบเหล็กเสริมลงในรู หมุนให้น้ำยายึดเกาะเต็มร่องเหล็กและตั้งแนวให้ตรง
- รอให้น้ำยาเซ็ตตัว ตามเวลาที่กำหนด โดยทั่วไป 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสูตรของน้ำยาและอุณหภูมิหน้างาน
น้ำยาเสียบเหล็กเหมาะกับงานประเภทไหนบ้าง?
- งานต่อเติมโครงสร้าง เช่น ต่อเติมเสา คาน บันได
- งานซ่อมแซมเหล็กเสริมในคอนกรีตเก่า
- งานติดตั้ง Chemical Bolt ในพื้นและคานหรือ เสาคอนกรีต
- งานยึดโครงสร้างเหล็กกับคอนกรีตในโรงงาน
- งานที่ต้องรับแรงดึงสูง เช่น รางเครน แท่นเครื่องจักร
วิธีเลือกน้ำยาเสียบเหล็กให้เหมาะกับงาน
- พิจารณาน้ำหนักและแรงที่ต้องรับ – หากเป็นงานโครงสร้างหนัก เลือกน้ำยาเกรด Epoxy
- ดูสภาพหน้างาน – พื้นที่เปียกหรือแห้ง ต้องเลือกสูตรให้เหมาะสม
- ยี่ห้อและมาตรฐาน – เลือกน้ำยาที่ได้รับการรับรอง เช่น Hilti, Ramset , Stronghold
- เวลาเซ็ตตัว – ถ้าต้องการทำงานเร็ว เลือกสูตรแห้งเร็ว แต่ถ้ามีเวลา เลือกสูตรมาตรฐานจะคุ้มค่ากว่า
ข้อควรรู้ก่อนใช้น้ำยาเสียบเหล็ก
- ห้ามใช้น้ำยาเมื่อหมดอายุ เพราะแรงยึดจะลดลง
- ต้องทำความสะอาดรูเจาะให้ดีทุกครั้ง เพื่อให้ยึดติดแน่น
- ควรทดสอบแรงดึง (Pull-Out Test) ในงานสำคัญ เพื่อความมั่นใจ
FAQ: คำถาม-คำตอบที่พบบ่อยเกี่ยวกับน้ำยาเสียบเหล็ก
- น้ำยาเสียบเหล็กแตกต่างจากพุกเคมี (Chemical Anchor) หรือไม่?
โดยพื้นฐานแล้ว เป็นวัสดุประเภทเดียวกัน เพราะใช้สารเคมี (เรซิน) เป็นตัวยึดเหล็กกับคอนกรีต โดยทั่วไปคำว่า "น้ำยาเสียบเหล็ก" มักเน้นไปที่งานเสียบเหล็กเสริมเพื่อต่อโครงสร้างเป็นหลัก ส่วน "พุกเคมี" จะเป็นคำเรียกที่ครอบคลุมงานฝังพุกและสลักเกลียวด้วย - มีขั้นตอนไหนที่สำคัญที่สุดในการใช้งานน้ำยาเสียบเหล็ก?
ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือ การทำความสะอาดรูเจาะ หลังเจาะรูแล้วต้องใช้เครื่องเป่าลมหรือเครื่องดูดฝุ่นเพื่อขจัดฝุ่นและตะกอนคอนกรีตออกให้หมดจด หากรูเจาะไม่สะอาด น้ำยาจะไม่สามารถยึดเกาะกับผิวคอนกรีตได้เต็มที่ ซึ่งจะทำให้แรงยึดลดลงและโครงสร้างไม่มั่นคง - ควรเลือกใช้น้ำยาเสียบเหล็กสูตรไหนสำหรับงานโครงสร้างหนัก?
สำหรับงานต่อเติมโครงสร้างหลัก งานรับแรงดึงสูง หรือแท่นเครื่องจักรที่ต้องการความทนทานสูงสุด ควรเลือกใช้น้ำยาเกรด Epoxy Resin น้ำยาชนิดนี้จะให้แรงยึดเกาะสูงกว่า Vinylester และเหมาะกับการใช้งานที่ต้องรับน้ำหนักมากๆ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกสูตรที่เหมาะสมกับน้ำหนักบรรทุก - น้ำยาเสียบเหล็กสามารถใช้กับงานต่อเติมเสา-คานที่ต้องรับแรงได้จริงหรือไม่?
ได้จริง น้ำยาเสียบเหล็กถูกออกแบบมาเพื่อ ทดแทนหรือต่อเหล็กเสริมในคอนกรีตเดิม การยึดเกาะแบบเคมีนี้ช่วยให้เหล็กเสริมที่เสียบเข้าไปสามารถรับแรงดึงและแรงเฉือนได้สูงมาก ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับงานต่อเติมเสา คาน หรือบันได ที่ต้องการให้โครงสร้างใหม่มีความมั่นคงเทียบเท่าโครงสร้างเดิม
สรุป – น้ำยาเสียบเหล็ก วัสดุสำคัญที่ช่วยให้โครงสร้างแข็งแรง ปลอดภัย
น้ำยาเสียบเหล็กเป็นวัสดุสำคัญที่ใช้ในงานก่อสร้างและต่อเติมโครงสร้าง เพื่อเชื่อมเหล็กเสริมเข้ากับคอนกรีตได้อย่างแน่นหนา แข็งแรง และปลอดภัย หากเลือกใช้น้ำยาให้เหมาะสมกับประเภทงาน สภาพหน้างาน และติดตั้งอย่างถูกต้อง จะช่วยยืดอายุการใช้งานของโครงสร้าง และลดความเสี่ยงในการแตกร้าวหรือหลุดร่อนในอนาคต

